KSS Research Update : (ICHI, BUY, TP THB22)
เนื่องจากเช้านี้ ราคาหุ้น ICHI ได้ลดลง 4% เราได้สอบถามผู้บริหารแล้ว ปรากฏว่าไม่ได้มีข่าวใดๆ และคาดว่ากำไร 3Q24 ยังดีขึ้น qoq yoy เนื่องจากมีการใช้จ่ายโฆษณาลดลง qoq และยอดขายโดยเฉพาะอย่างยิ่งชาเขีวยังดีต่อเนื่อง
คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 22 มองว่าราคาหุ้นตกเป็นโอกาสซื้อ มองกำไรปี 24 โต 19% และปี 25 12% จากยอดขายชาเขียวที่โตต่อเนื่อง เทรดที่ 13.5x 2025F P/E และอัตราปันผล 7.4%
แนวต้าน 16.3 / 17.0 บาท แนวรับ 15.5 /15.0 บาท
#Yuwanee_KSS
#KSS#Research
เนื่องจากเช้านี้ ราคาหุ้น ICHI ได้ลดลง 4% เราได้สอบถามผู้บริหารแล้ว ปรากฏว่าไม่ได้มีข่าวใดๆ และคาดว่ากำไร 3Q24 ยังดีขึ้น qoq yoy เนื่องจากมีการใช้จ่ายโฆษณาลดลง qoq และยอดขายโดยเฉพาะอย่างยิ่งชาเขีวยังดีต่อเนื่อง
คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 22 มองว่าราคาหุ้นตกเป็นโอกาสซื้อ มองกำไรปี 24 โต 19% และปี 25 12% จากยอดขายชาเขียวที่โตต่อเนื่อง เทรดที่ 13.5x 2025F P/E และอัตราปันผล 7.4%
แนวต้าน 16.3 / 17.0 บาท แนวรับ 15.5 /15.0 บาท
#Yuwanee_KSS
#KSS#Research
KSS Global Macro Strategist Comment: China Update ตลาดหุ้นจีนน่าจะปรับขึ้นแรงต่อในสัปดาห์หน้า อิงดัชนี Shanghai Composite เปิดทำการเพียงวันเดียว +8% ขณะที่ดัชนี Hang Seng ปรับขึ้นกว่า 17%
เรามองว่าสัปดาห์หน้าหลังจบวันหยุดยาวช่วง Golden Week มีโอกาสเห็นแรงหนุนจากนักลงทุนรายย่อยที่ยัง under-own ในตลาดหุ้น กลับมาหนุนดัชนีเดินหน้าต่อ โดยมองหากใช้ระดับการถือครองหุ้นของนักลงทุนรายย่อยเฉลี่ยในปี 2019 – 2020 ประเมินว่าจะมีแรงซื้อหนุนตลาดได้สูงราว 2-3 ล้านล้านหยวน คิดเป็นราว 4.4-6.6% ของมูลค่าตลาดของดัชนี Shanghai Composite ปัจจุบันที่ระดับ 45 ล้านล้านหยวน
ทั้งนี้ ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา จีนมีการออกมาตรการกระตุ้นทั้งนโยบายการเงิน, นโยบายการคลัง และการปรับโครงสร้างออกมาแล้ว ที่เรามองว่ามีน้ำหนัก ได้แก่:
• 24 ก.ย. นโยบายการเงิน 3 อย่าง 1) ลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 7 วันเพื่อสนับสนุนสภาพคล่อง, 2) ลด RRR จาก 10.0% เป็น 9.5% 3) เตรียมจัดตั้ง Swat Facility Fund มูลค่าเริ่มต้นราว 800 000 ล้านหยวน เพื่อสนับสนุนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำให้กับบริษัทจดทะเบียนยืมไปเสริมสภาพคล่องและซื้อหุ้นคืน
• 26 ก.ย. คณะกรรมการ Politburo ให้ความเห็นว่าพร้อมจะกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเติบโตของรัฐบาลที่ระดับ 5.0% ในปีนี้ โดยเน้นย้ำว่าพร้อมจะใช้มาตรการกระตุ้นภาคอสังหา หลังจากเป็นปัจจัยหลักที่ถ่วงเศรษฐกิจมาเป็นระยะเวลานาน และประกาศมาตรใช้นโยบายการคลัง2 ตัว ได้แก่ 1) ประกาศเตรียมอัดฉีดเงินช่วยเหลือให้กับประชาชนที่อยู่ในกลุ่มรายได้ต่ำและกลุ่มเด็กกำพร้า ซึ่งคิดเป็นราว 0.35% ของจำนวนประชากรทั้งหมด ทั้งนี้ ยังมิได้มีการกำหนดมูลค่าเงินช่วยเหลือดังกล่าว 2) เตรียมออกมาตรการช่วยเหลือทางสังคมให้กับกลุ่มผู้สำเร็จการศึกษาแต่ยังไม่มีงานทำเป็นระยะเวลาเกินกว่า 2 ปี
• 30 ก.ย. ทางการจีนเตรียมกระตุ้นภาคอสังหาผ่านการลดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านที่ยังผ่อนไม่หมด ให้ต่ำกว่าระดับดอกเบี้ย LPR อย่างน้อย 0.3% ซึ่งจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยสำหรับสินเชื่อบ้านที่ยังผ่อนไม่หมดลดลงราว 0.5% จากระดับปัจจุบัน
Strategy: เรามองมีโอกาสเห็นการเสริมนโยบายกระตุ้นเพิ่มเติมต่อเนื่อง โดยเฉพาะในภาคอสังหา โดยคาดหวังจะเห็นการอัดฉีดเงินผ่านการออกพันธบัตรพิเศษระดับ 1.2 – 1.5 ล้านล้านหยวน ซึ่งอาจจะคาดหวังได้ในช่วงการประชุมคณะกรรมการสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) ที่จัดขึ้นทุกสองเดือน ภายในเดือนนี้ ประกอบกับแรงหนุนดัชนีจากระดับสถานะในตลาดหุ้นของนักลงทุนรายย่อยดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น เชื่อจะหนุนตลาดหุ้นจีนเดินหน้าต่อได้ในสัปดาห์หน้า ในเชิงกลยุทธ์การลงทุน
เรามองเป็นบวกต่อหุ้น China Play นำโดย SCC (TP @ 290), IVL (TP @ 19.0), SCGP (TP @ 33.0), PTTGC (TP @ 32.0), HANA (TP @ 44.0) และหุ้นฝั่งอิงภาคบริการที่ได้ประโยชน์ Wealth Effect ระยะถัดไป แนะนำสะสมหุ้นที่มีฐานลูกค้าจีน AOT(TP Con @68.9) CPALL (TP@84) AU (TP@10.2)
นอกจากนี้ ในมุมมอง Asset Allocation เรามีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นจีนมากขึ้น โดยยังแนะนำเป็น Slightly Overweight โดยมีกองทุนที่แนะนำ ผ่านทางกองทุนกรุงศรีและ Krungsri iFund ได้แก่:
• KFCSI300-A (CSI300 ETF)
• KFACHINA-A (Active A-Shares)
• KF-CHINA (H-Shares ETF)
• MEGA10CHINA-A (Active H-Shares)
#KSS #RetailInvestor #China #NPC #Stim
เรามองว่าสัปดาห์หน้าหลังจบวันหยุดยาวช่วง Golden Week มีโอกาสเห็นแรงหนุนจากนักลงทุนรายย่อยที่ยัง under-own ในตลาดหุ้น กลับมาหนุนดัชนีเดินหน้าต่อ โดยมองหากใช้ระดับการถือครองหุ้นของนักลงทุนรายย่อยเฉลี่ยในปี 2019 – 2020 ประเมินว่าจะมีแรงซื้อหนุนตลาดได้สูงราว 2-3 ล้านล้านหยวน คิดเป็นราว 4.4-6.6% ของมูลค่าตลาดของดัชนี Shanghai Composite ปัจจุบันที่ระดับ 45 ล้านล้านหยวน
ทั้งนี้ ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา จีนมีการออกมาตรการกระตุ้นทั้งนโยบายการเงิน, นโยบายการคลัง และการปรับโครงสร้างออกมาแล้ว ที่เรามองว่ามีน้ำหนัก ได้แก่:
• 24 ก.ย. นโยบายการเงิน 3 อย่าง 1) ลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 7 วันเพื่อสนับสนุนสภาพคล่อง, 2) ลด RRR จาก 10.0% เป็น 9.5% 3) เตรียมจัดตั้ง Swat Facility Fund มูลค่าเริ่มต้นราว 800 000 ล้านหยวน เพื่อสนับสนุนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำให้กับบริษัทจดทะเบียนยืมไปเสริมสภาพคล่องและซื้อหุ้นคืน
• 26 ก.ย. คณะกรรมการ Politburo ให้ความเห็นว่าพร้อมจะกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเติบโตของรัฐบาลที่ระดับ 5.0% ในปีนี้ โดยเน้นย้ำว่าพร้อมจะใช้มาตรการกระตุ้นภาคอสังหา หลังจากเป็นปัจจัยหลักที่ถ่วงเศรษฐกิจมาเป็นระยะเวลานาน และประกาศมาตรใช้นโยบายการคลัง2 ตัว ได้แก่ 1) ประกาศเตรียมอัดฉีดเงินช่วยเหลือให้กับประชาชนที่อยู่ในกลุ่มรายได้ต่ำและกลุ่มเด็กกำพร้า ซึ่งคิดเป็นราว 0.35% ของจำนวนประชากรทั้งหมด ทั้งนี้ ยังมิได้มีการกำหนดมูลค่าเงินช่วยเหลือดังกล่าว 2) เตรียมออกมาตรการช่วยเหลือทางสังคมให้กับกลุ่มผู้สำเร็จการศึกษาแต่ยังไม่มีงานทำเป็นระยะเวลาเกินกว่า 2 ปี
• 30 ก.ย. ทางการจีนเตรียมกระตุ้นภาคอสังหาผ่านการลดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านที่ยังผ่อนไม่หมด ให้ต่ำกว่าระดับดอกเบี้ย LPR อย่างน้อย 0.3% ซึ่งจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยสำหรับสินเชื่อบ้านที่ยังผ่อนไม่หมดลดลงราว 0.5% จากระดับปัจจุบัน
Strategy: เรามองมีโอกาสเห็นการเสริมนโยบายกระตุ้นเพิ่มเติมต่อเนื่อง โดยเฉพาะในภาคอสังหา โดยคาดหวังจะเห็นการอัดฉีดเงินผ่านการออกพันธบัตรพิเศษระดับ 1.2 – 1.5 ล้านล้านหยวน ซึ่งอาจจะคาดหวังได้ในช่วงการประชุมคณะกรรมการสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) ที่จัดขึ้นทุกสองเดือน ภายในเดือนนี้ ประกอบกับแรงหนุนดัชนีจากระดับสถานะในตลาดหุ้นของนักลงทุนรายย่อยดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น เชื่อจะหนุนตลาดหุ้นจีนเดินหน้าต่อได้ในสัปดาห์หน้า ในเชิงกลยุทธ์การลงทุน
เรามองเป็นบวกต่อหุ้น China Play นำโดย SCC (TP @ 290), IVL (TP @ 19.0), SCGP (TP @ 33.0), PTTGC (TP @ 32.0), HANA (TP @ 44.0) และหุ้นฝั่งอิงภาคบริการที่ได้ประโยชน์ Wealth Effect ระยะถัดไป แนะนำสะสมหุ้นที่มีฐานลูกค้าจีน AOT(TP Con @68.9) CPALL (TP@84) AU (TP@10.2)
นอกจากนี้ ในมุมมอง Asset Allocation เรามีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นจีนมากขึ้น โดยยังแนะนำเป็น Slightly Overweight โดยมีกองทุนที่แนะนำ ผ่านทางกองทุนกรุงศรีและ Krungsri iFund ได้แก่:
• KFCSI300-A (CSI300 ETF)
• KFACHINA-A (Active A-Shares)
• KF-CHINA (H-Shares ETF)
• MEGA10CHINA-A (Active H-Shares)
#KSS #RetailInvestor #China #NPC #Stim
🟡 เก่งหลังเกมส์ สรุปประเด็น SET วันที่ 4/10/24 🟡
📈SET Index เพิ่มขึ้น 1.52 จุด (+0.11%) ปิดที่ระดับ 1,444 จุด มูลค่าการซื้อขาย 6.39 หมื่นล้านบาท (จำนวนหุ้นปรับขึ้น 180 บริษัท, หุ้นปรับลง 320 บริษัท) ดัชนีปรับขึ้นจำกัดนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายรอดู Us Nonfarm payrolls คืนนี้ และลดความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ Sector ที่ปรับขึ้นหนุนดัชนี คือ กลุ่มพลังงาน (PTTEP, PTT, TOP), กลุ่มอิเล็กฯ (DELTA, HANA, KCE), กลุ่มธนาคาร (BBL, SCB) ส่วน Sector ที่ปรับลงกดดัชนี คือ กลุ่มขนส่ง (AOT, AAV) และกลุ่ม ICT (ADVANC TRUE)
หุ้นที่เคลื่อนไหวโดดเด่น คือ
🛢PTTEP (+2.25%), PTT (+1.49%), TOP (+2%), BCP (+5.52%) รับผลบวกราคาน้ำมันดิบพุ่งแรง กังวลข่าวอิสราเอลและสหรัฐขู่ตอบโต้อิหร่านด้วยการโจมตีระบบโครงสร้างพื้นฐานในแหล่งผลิตน้ำมันและโรงกลั่น
🏭 GULF (+2.16%), INTUCH (+1.83%) ปัจจัยบวกเดิม รับข่าวที่ประชุมผู้ถือหุ้น GULF และ INTUCH ลงมติให้ควบรวมกิจการเป็นธุรกิจใหม่ (NewCo) สร้าง Synergy ในอนาคต, INTUCH มีปันผลพิเศษให้ 4.50 บาท รวมกับปันผลปกติใน 2H24 อีก 2 บาท จะได้ปันผลรวมอย่างน้อย 6.5 บาท ให้ Dividend yield 6.8%
🏢 BBL (+0.66%), KBANK (+0.34%), SCB (+0.46%) ดักเก็งกำไรงบ 3Q24 โดยกลุ่มธนาคารประกาศเป็นกลุ่มแรกเริ่มทยอยประกาศตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป ส่วนประชุม กนง. ในสัปดาห์ถัดไปมองคงดอกเบี้ยที่ระดับ 2.5% ยังเป็นบวกกับ NIM ของกลุ่มธนาคาร และสุดท้ายเป็นเป้าเข้าซื้อของกองทุนวายุภักษ์
🏪 CRC (+0.79%), HMPRO (+0.96%), COM7 (+0.84%) เป็นผู้ประกอบการกลุ่มค้าปลีกที่คาดว่าจะได้ประโยชน์หากรัฐบาลออกมาตรกระตุ้นการใช้จ่ายผ่านมาตรการ “ช้อปดีมีคืน” เพราะเป็นมียอดใช้ต่อบิลสูงสะดวกในการซื้อและเก็บเอกสารเพื่อส่งสรรพากร ส่วน COM7 มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวเป็นตัวเต็งเข้าคำนวณในดัชนี SET50 รอบใหม่
#KSS#Research
📈SET Index เพิ่มขึ้น 1.52 จุด (+0.11%) ปิดที่ระดับ 1,444 จุด มูลค่าการซื้อขาย 6.39 หมื่นล้านบาท (จำนวนหุ้นปรับขึ้น 180 บริษัท, หุ้นปรับลง 320 บริษัท) ดัชนีปรับขึ้นจำกัดนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายรอดู Us Nonfarm payrolls คืนนี้ และลดความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ Sector ที่ปรับขึ้นหนุนดัชนี คือ กลุ่มพลังงาน (PTTEP, PTT, TOP), กลุ่มอิเล็กฯ (DELTA, HANA, KCE), กลุ่มธนาคาร (BBL, SCB) ส่วน Sector ที่ปรับลงกดดัชนี คือ กลุ่มขนส่ง (AOT, AAV) และกลุ่ม ICT (ADVANC TRUE)
หุ้นที่เคลื่อนไหวโดดเด่น คือ
🛢PTTEP (+2.25%), PTT (+1.49%), TOP (+2%), BCP (+5.52%) รับผลบวกราคาน้ำมันดิบพุ่งแรง กังวลข่าวอิสราเอลและสหรัฐขู่ตอบโต้อิหร่านด้วยการโจมตีระบบโครงสร้างพื้นฐานในแหล่งผลิตน้ำมันและโรงกลั่น
🏭 GULF (+2.16%), INTUCH (+1.83%) ปัจจัยบวกเดิม รับข่าวที่ประชุมผู้ถือหุ้น GULF และ INTUCH ลงมติให้ควบรวมกิจการเป็นธุรกิจใหม่ (NewCo) สร้าง Synergy ในอนาคต, INTUCH มีปันผลพิเศษให้ 4.50 บาท รวมกับปันผลปกติใน 2H24 อีก 2 บาท จะได้ปันผลรวมอย่างน้อย 6.5 บาท ให้ Dividend yield 6.8%
🏢 BBL (+0.66%), KBANK (+0.34%), SCB (+0.46%) ดักเก็งกำไรงบ 3Q24 โดยกลุ่มธนาคารประกาศเป็นกลุ่มแรกเริ่มทยอยประกาศตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป ส่วนประชุม กนง. ในสัปดาห์ถัดไปมองคงดอกเบี้ยที่ระดับ 2.5% ยังเป็นบวกกับ NIM ของกลุ่มธนาคาร และสุดท้ายเป็นเป้าเข้าซื้อของกองทุนวายุภักษ์
🏪 CRC (+0.79%), HMPRO (+0.96%), COM7 (+0.84%) เป็นผู้ประกอบการกลุ่มค้าปลีกที่คาดว่าจะได้ประโยชน์หากรัฐบาลออกมาตรกระตุ้นการใช้จ่ายผ่านมาตรการ “ช้อปดีมีคืน” เพราะเป็นมียอดใช้ต่อบิลสูงสะดวกในการซื้อและเก็บเอกสารเพื่อส่งสรรพากร ส่วน COM7 มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวเป็นตัวเต็งเข้าคำนวณในดัชนี SET50 รอบใหม่
#KSS#Research