หลังฉีดวัคซีนมีข้อห้ามหรือไม่ ?
: ไม่มีข้อห้ามในการรับประทานอาหาร/ยาประเภทใดๆ เน้นรับประทานอาหารถูกหลักสุขอนามัย
: หลังได้รับวัคซีนควรพักผ่อนเพียงพอลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง ไม่หักโหมออกกำลังกาย/ทำงานหนักในทันที
:หลีกเลี่ยงการใช้งานแขนข้างที่ฉีดวัคซีนอย่างน้อย 2 วัน
: ทั้งนี้หากต้องการฉีดวัคซีนอื่นหลังได้รับวัคซีนโควิด เช่น วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ควรเว้นช่วงประมาณ 4 สัปดาห์
ข้อมูลโดย :หน่วยวิชาโรคติดเชื้อและเวชศาสตร์เขตร้อน ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
#ฉีดวัคซีนหยุดเชื้อเพื่อชาติ #covidvaccine #MedCMU #MedCMUในมือคุณ #คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ #COVID19
#ใส่Mask #เว้นระยะห่าง #ล้างมือ
: ไม่มีข้อห้ามในการรับประทานอาหาร/ยาประเภทใดๆ เน้นรับประทานอาหารถูกหลักสุขอนามัย
: หลังได้รับวัคซีนควรพักผ่อนเพียงพอลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง ไม่หักโหมออกกำลังกาย/ทำงานหนักในทันที
:หลีกเลี่ยงการใช้งานแขนข้างที่ฉีดวัคซีนอย่างน้อย 2 วัน
: ทั้งนี้หากต้องการฉีดวัคซีนอื่นหลังได้รับวัคซีนโควิด เช่น วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ควรเว้นช่วงประมาณ 4 สัปดาห์
ข้อมูลโดย :หน่วยวิชาโรคติดเชื้อและเวชศาสตร์เขตร้อน ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
#ฉีดวัคซีนหยุดเชื้อเพื่อชาติ #covidvaccine #MedCMU #MedCMUในมือคุณ #คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ #COVID19
#ใส่Mask #เว้นระยะห่าง #ล้างมือ
วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
ประชาชนทุกท่าน ควรรับการฉีดวัคซีนโควิด-19
เพื่อร่วมกันทำให้ประเทศไทยเกิดภูมิคุ้มกันหมู่เพียงพอ ที่จะหยุดยั้งการระบาดของโควิด-19 ได้อย่างยั่งยืน
ที่มา : ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย
#MedCMU #MedCMUในมือคุณ
#คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
#สื่อสารองค์กรMedCMU #COVID19 #วัคซีน
#ใส่Mask #เว้นระยะห่าง #ล้างมือ
ประชาชนทุกท่าน ควรรับการฉีดวัคซีนโควิด-19
เพื่อร่วมกันทำให้ประเทศไทยเกิดภูมิคุ้มกันหมู่เพียงพอ ที่จะหยุดยั้งการระบาดของโควิด-19 ได้อย่างยั่งยืน
ที่มา : ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย
#MedCMU #MedCMUในมือคุณ
#คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
#สื่อสารองค์กรMedCMU #COVID19 #วัคซีน
#ใส่Mask #เว้นระยะห่าง #ล้างมือ
สถานการณ์ผู้ป่วย COVID-19 ในความดูแลของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
วันที่ 21 พ.ค. 2564 : 08:00 น.
มีผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาตัวในรพ. มหาราชนครเชียงใหม่ รวมทั้งหมดจำนวน 5 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 4 ราย และผู้ป่วยที่กำลังรอผลยืนยันการตรวจเชื้อโควิด-19 จำนวน 1 ราย
มีผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 จำนวน 2 ราย
และมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ที่ Cohort Intermediate ward ตึกสงฆ์ 9 ราย
รวมทั้ง มีผู้ป่วย 3 ราย ณ โรงพยาบาลประสาทเชียงใหม่ โดยความดูแลของคณะแพทยศาสตร์ มช.
ผู้ป่วยทั้งหมดได้รับการรักษาอย่างใกล้ชิด จากทีมแพทย์และพยาบาล
แม้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่จะมีจำนวนลดลง แต่ผู้ป่วยที่มีอาการหนักมีจำนวนมากขึ้น ขอทุกท่านโปรดดูแลตัวเอง ใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่าง เพื่อสุขภาพที่ดีของทุกท่าน
ติดตามผ่านช่องทาง
Website : https://bit.ly/3ydi3bd
#MedCMU #MedCMUในมือคุณ
#คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
#สื่อสารองค์กรMedCMU #COVID19
#ใส่Mask #เว้นระยะห่าง #ล้างมือ
วันที่ 21 พ.ค. 2564 : 08:00 น.
มีผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาตัวในรพ. มหาราชนครเชียงใหม่ รวมทั้งหมดจำนวน 5 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 4 ราย และผู้ป่วยที่กำลังรอผลยืนยันการตรวจเชื้อโควิด-19 จำนวน 1 ราย
มีผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 จำนวน 2 ราย
และมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ที่ Cohort Intermediate ward ตึกสงฆ์ 9 ราย
รวมทั้ง มีผู้ป่วย 3 ราย ณ โรงพยาบาลประสาทเชียงใหม่ โดยความดูแลของคณะแพทยศาสตร์ มช.
ผู้ป่วยทั้งหมดได้รับการรักษาอย่างใกล้ชิด จากทีมแพทย์และพยาบาล
แม้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่จะมีจำนวนลดลง แต่ผู้ป่วยที่มีอาการหนักมีจำนวนมากขึ้น ขอทุกท่านโปรดดูแลตัวเอง ใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่าง เพื่อสุขภาพที่ดีของทุกท่าน
ติดตามผ่านช่องทาง
Website : https://bit.ly/3ydi3bd
#MedCMU #MedCMUในมือคุณ
#คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
#สื่อสารองค์กรMedCMU #COVID19
#ใส่Mask #เว้นระยะห่าง #ล้างมือ
สถานการณ์ผู้ป่วย COVID-19 ในความดูแลของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
วันที่ 22 พ.ค. 2564 : 08:00 น.
มีผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาตัวในรพ. มหาราชนครเชียงใหม่ (ตึกโรคปอด) รวมทั้งหมดจำนวน 6 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 3 ราย และผู้ป่วยที่กำลังรอผลยืนยันการตรวจเชื้อโควิด-19 จำนวน 3 ราย
และมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ที่ Cohort Intermediate ward ตึกสงฆ์ 8 ราย
รวมทั้ง มีผู้ป่วย 1 ราย ณ โรงพยาบาลประสาทเชียงใหม่ โดยความดูแลของคณะแพทยศาสตร์ มช.
ผู้ป่วยทั้งหมดได้รับการรักษาอย่างใกล้ชิด จากทีมแพทย์และพยาบาล
แม้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่จะมีจำนวนลดลง แต่ผู้ป่วยที่มีอาการหนักมีจำนวนมากขึ้น ขอทุกท่านโปรดดูแลตัวเอง ใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่าง เพื่อสุขภาพที่ดีของทุกท่าน
#MedCMU #MedCMUในมือคุณ
#คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
#สื่อสารองค์กรMedCMU #COVID19
#ใส่Mask #เว้นระยะห่าง #ล้างมือ
วันที่ 22 พ.ค. 2564 : 08:00 น.
มีผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาตัวในรพ. มหาราชนครเชียงใหม่ (ตึกโรคปอด) รวมทั้งหมดจำนวน 6 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 3 ราย และผู้ป่วยที่กำลังรอผลยืนยันการตรวจเชื้อโควิด-19 จำนวน 3 ราย
และมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ที่ Cohort Intermediate ward ตึกสงฆ์ 8 ราย
รวมทั้ง มีผู้ป่วย 1 ราย ณ โรงพยาบาลประสาทเชียงใหม่ โดยความดูแลของคณะแพทยศาสตร์ มช.
ผู้ป่วยทั้งหมดได้รับการรักษาอย่างใกล้ชิด จากทีมแพทย์และพยาบาล
แม้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่จะมีจำนวนลดลง แต่ผู้ป่วยที่มีอาการหนักมีจำนวนมากขึ้น ขอทุกท่านโปรดดูแลตัวเอง ใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่าง เพื่อสุขภาพที่ดีของทุกท่าน
#MedCMU #MedCMUในมือคุณ
#คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
#สื่อสารองค์กรMedCMU #COVID19
#ใส่Mask #เว้นระยะห่าง #ล้างมือ
หมอสวนดอก "ไขข้อข้องใจ ตอบทุกข้อสงสัยวัคซีนโควิด-19"
....🔹วัคซีนโควิด-19 ที่ดีที่สุดคืออะไร? ใช่ที่จะฉีดในตอนนี้หรือไม่? .....
ขณะนี้ประเทศไทยมีวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 อยู่ 2 ชนิด คือ ชนิดแรก เป็นชนิดเชื้อตาย หรือที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อยี่ห้อ "ซิโนแวค" (Sinovac) อีกชนิดหนึ่งคือชนิดเชื้อเป็นที่ไม่มีการแบ่งตัว ซึ่งเป็นวัคซีนของ "แอสตร้าเซนเนก้า" (AstraZeneca) เมื่อมีคำถามว่าวัคซีนตัวไหนดีที่สุด ณ ขณะนี้ คำตอบคือวัคซีนที่มีอยู่และฉีดได้เร็วที่สุด ก็คือวัคซีนที่ดีที่สุด เพราะเมื่อเราได้รับวัคซีนเข้าไปแล้วจะมีภูมิคุ้มกันเกิดขึ้นในร่างกาย แม้จะไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะป้องกันโรคได้ทุกระดับความรุนแรง แต่อย่างน้อยก็สามารถป้องกันอาการของโรคที่รุนแรงมากให้ทุเลาลงได้ ลดการเข้ารับการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาล และที่สำคัญจะช่วยลดอัตราการเสียชีวิตลงได้ ซึ่งวัคซีนเกือบทั้งหมดทุกยี่ห้อที่มีตามท้องตลาดตอนนี้ก็มีประสิทธิภาพไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
วัคซีนทุกตัวที่มีอยู่ในประเทศขณะนี้ อยากให้มั่นใจว่ามีมาตรฐานที่ดี โดยวัคซีนก่อนที่จะนำมาใช้โดยทั่วไปจะต้องผ่านการรับรองหลายขั้นตอน อย่างน้อยต้องผ่านเกณฑ์ประสิทธิภาพที่ทางองค์การอนามัยโลกกำหนดไว้ และทางองค์การอาหารและยาของประเทศไทยก็ต้องมีการตรวจสอบข้อมูลอย่างมั่นใจจึงจะนำมาให้ประชาชนฉีดได้ ซึ่งวัคซีนทั้ง 2 ยี่ห้อ (ซิโนแวค , แอสตร้าเซนเนก้า) ก็ได้ผ่านเกณฑ์มาตรฐานต่างๆ แล้ว
.........🔹เตรียมตัวอย่างไร ก่อน-หลังฉีดวัคซีนฯ และอาการไม่พึงประสงค์ที่อาจเกิดขึ้น.....
หลักของการเตรียมตัวก่อนมาฉีดวัคซีนคือ พักผ่อนให้เพียงพอ รักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงเป็นปกติ ไม่ควรเครียด หรือวิตกกังวลมากเกินไปเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ในการฉีดวัคซีน เมื่อถึงวันนัดหมายฉีดวัคซีน ให้ดื่มน้ำในปริมาณที่มากกว่าปกติ งดเว้นเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเป็นส่วนประกอบ งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ หากรู้สึกไม่สบายอยู่ในขณะนั้นสามารถที่จะเลื่อนวันนัดไปก่อน รอให้ร่างกายแข็งแรง แล้วค่อยมารับวัคซีนได้
ในขณะที่มารับวัคซีน หากมีประวัติการแพ้ เช่น แพ้วัคซีนชนิดอื่น แพ้ยา แพ้อาหาร แพ้อากาศ หรือเป็นภูมิแพ้ ควรแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ศูนย์บริการการฉีดวัคซีน เพราะทางเจ้าหน้าที่จะได้บันทึกประวัติ และให้การติดตามอย่างใกล้ชิดมากขึ้น
ภายหลังจากฉีดวัคซีน สถานพยาบาลทุกโรงพยาบาลจะให้นั่งพัก ณ จุดสังเกตอาการ ใกล้จุดฉีดวัคซีนประมาณ 30 นาที โดยจะได้ดูปฏิกิริยาการแพ้ชนิดรุนแรงหรืออาการข้างเคียงหรือที่สามารถเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วเพื่อที่จะให้การปฐมพยาบาล ให้การรักษาได้อย่างเหมาะสมได้ทันท่วงที
สำหรับสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในประเทศไทยขณะนี้ ฉีดไปแล้วประมาณ 2.6 ล้านโดส จากสถิติการเกิดปฏิกิริยาข้างเคียงภายหลังการฉีดวัคซีน (เมื่อมีการฉีดวัคซีนในประชาชนชาวไทยครบ 2 ล้านโดส เมื่อวันที่ 12 พ.ค. 2564 ที่ผ่านมา) พบว่าร้อยละ 89.2 ไม่มีปฏิกิริยาข้างเคียงแต่อย่างใด มีเพียงร้อยละ 10.8 เท่านั้น ที่มีรายงานว่ามีปฏิกิริยาข้างเคียงบ้างแต่อาการไม่รุนแรง ได้แก่ อาการปวดเมื่อยเนื้อตัว ปวดศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน ปวดบวมแดงร้อนบริเวณที่ฉีด ซึ่งอาการเหล่านี้ถือเป็นปฏิกิริยาข้างเคียงที่สามารถพบได้ภายหลังการรับวัคซีนชนิดอื่นๆ เช่นกัน ส่วนปฏิกิริยาข้างเคียงที่รุนแรงภายหลังจากการได้รับวัคซีน ที่ผ่านการทบทวนโดยผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิจากกระทรวงฯ พบในผู้รับวัคซีน 14 ราย คิดเป็น 7 ต่อล้านโดส ทั้งนี้ 6.5 ในล้านโดส เป็นปฏิกิริยาการแพ้ชนิดรุนแรง ส่วนอีก 0.5 ต่อล้านโดส เป็นกลุ่มอาการชาภายหลังจากได้รับวัคซีน ซึ่งทั้ง 14 ราย สามารถรักษาหายได้หมด และไม่มีผู้เสียชีวิตแม้แต่รายเดียว
...... 🔹บุคคลกลุ่มที่ควรจะได้รับวัคซีนโควิด-19 คือใคร.....
คนไทยทุกคน ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปี และไม่มีข้อห้ามในการฉีดวัคซีนควรที่จะได้รับวัคซีน แต่เนื่องจากช่วงแรกประเทศไทยได้รับการจัดสรรวัคซีนในปริมาณที่จำกัด จึงต้องมีการเรียงลำดับความสำคัญในการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนกลุ่มต่างๆ โดยในระยะแรกเน้นไปที่บุคลากรทางการแพทย์โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "ด่านหน้า" หรือเจ้าหน้าที่ทางสาธารณสุขที่ต้องทำงานสัมผัสกับผู้ป่วยโควิด-19 กลุ่มต่อมาคือผู้สูงอายุเกิน 60 ปีและผู้ที่มีโรคประจำตัว 7 โรค จากนั้นเมื่อมีการจัดหาวัคซีนได้มากขึ้นภายในประเทศก็จะเร่งจัดสรรฉีดให้แก่ประชาชนทั่วไป ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปี และไม่มีข้อห้ามในการฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึงต่อไป
..... 🔹ข้อห้ามฉีดวัคซีนในปัจจุบัน คือแพ้วัคซีนและส่วนประกอบที่มีอยู่ในวัคซีน....
....🔹วัคซีนโควิด-19 ที่ดีที่สุดคืออะไร? ใช่ที่จะฉีดในตอนนี้หรือไม่? .....
ขณะนี้ประเทศไทยมีวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 อยู่ 2 ชนิด คือ ชนิดแรก เป็นชนิดเชื้อตาย หรือที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อยี่ห้อ "ซิโนแวค" (Sinovac) อีกชนิดหนึ่งคือชนิดเชื้อเป็นที่ไม่มีการแบ่งตัว ซึ่งเป็นวัคซีนของ "แอสตร้าเซนเนก้า" (AstraZeneca) เมื่อมีคำถามว่าวัคซีนตัวไหนดีที่สุด ณ ขณะนี้ คำตอบคือวัคซีนที่มีอยู่และฉีดได้เร็วที่สุด ก็คือวัคซีนที่ดีที่สุด เพราะเมื่อเราได้รับวัคซีนเข้าไปแล้วจะมีภูมิคุ้มกันเกิดขึ้นในร่างกาย แม้จะไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะป้องกันโรคได้ทุกระดับความรุนแรง แต่อย่างน้อยก็สามารถป้องกันอาการของโรคที่รุนแรงมากให้ทุเลาลงได้ ลดการเข้ารับการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาล และที่สำคัญจะช่วยลดอัตราการเสียชีวิตลงได้ ซึ่งวัคซีนเกือบทั้งหมดทุกยี่ห้อที่มีตามท้องตลาดตอนนี้ก็มีประสิทธิภาพไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
วัคซีนทุกตัวที่มีอยู่ในประเทศขณะนี้ อยากให้มั่นใจว่ามีมาตรฐานที่ดี โดยวัคซีนก่อนที่จะนำมาใช้โดยทั่วไปจะต้องผ่านการรับรองหลายขั้นตอน อย่างน้อยต้องผ่านเกณฑ์ประสิทธิภาพที่ทางองค์การอนามัยโลกกำหนดไว้ และทางองค์การอาหารและยาของประเทศไทยก็ต้องมีการตรวจสอบข้อมูลอย่างมั่นใจจึงจะนำมาให้ประชาชนฉีดได้ ซึ่งวัคซีนทั้ง 2 ยี่ห้อ (ซิโนแวค , แอสตร้าเซนเนก้า) ก็ได้ผ่านเกณฑ์มาตรฐานต่างๆ แล้ว
.........🔹เตรียมตัวอย่างไร ก่อน-หลังฉีดวัคซีนฯ และอาการไม่พึงประสงค์ที่อาจเกิดขึ้น.....
หลักของการเตรียมตัวก่อนมาฉีดวัคซีนคือ พักผ่อนให้เพียงพอ รักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงเป็นปกติ ไม่ควรเครียด หรือวิตกกังวลมากเกินไปเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ในการฉีดวัคซีน เมื่อถึงวันนัดหมายฉีดวัคซีน ให้ดื่มน้ำในปริมาณที่มากกว่าปกติ งดเว้นเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเป็นส่วนประกอบ งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ หากรู้สึกไม่สบายอยู่ในขณะนั้นสามารถที่จะเลื่อนวันนัดไปก่อน รอให้ร่างกายแข็งแรง แล้วค่อยมารับวัคซีนได้
ในขณะที่มารับวัคซีน หากมีประวัติการแพ้ เช่น แพ้วัคซีนชนิดอื่น แพ้ยา แพ้อาหาร แพ้อากาศ หรือเป็นภูมิแพ้ ควรแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ศูนย์บริการการฉีดวัคซีน เพราะทางเจ้าหน้าที่จะได้บันทึกประวัติ และให้การติดตามอย่างใกล้ชิดมากขึ้น
ภายหลังจากฉีดวัคซีน สถานพยาบาลทุกโรงพยาบาลจะให้นั่งพัก ณ จุดสังเกตอาการ ใกล้จุดฉีดวัคซีนประมาณ 30 นาที โดยจะได้ดูปฏิกิริยาการแพ้ชนิดรุนแรงหรืออาการข้างเคียงหรือที่สามารถเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วเพื่อที่จะให้การปฐมพยาบาล ให้การรักษาได้อย่างเหมาะสมได้ทันท่วงที
สำหรับสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในประเทศไทยขณะนี้ ฉีดไปแล้วประมาณ 2.6 ล้านโดส จากสถิติการเกิดปฏิกิริยาข้างเคียงภายหลังการฉีดวัคซีน (เมื่อมีการฉีดวัคซีนในประชาชนชาวไทยครบ 2 ล้านโดส เมื่อวันที่ 12 พ.ค. 2564 ที่ผ่านมา) พบว่าร้อยละ 89.2 ไม่มีปฏิกิริยาข้างเคียงแต่อย่างใด มีเพียงร้อยละ 10.8 เท่านั้น ที่มีรายงานว่ามีปฏิกิริยาข้างเคียงบ้างแต่อาการไม่รุนแรง ได้แก่ อาการปวดเมื่อยเนื้อตัว ปวดศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน ปวดบวมแดงร้อนบริเวณที่ฉีด ซึ่งอาการเหล่านี้ถือเป็นปฏิกิริยาข้างเคียงที่สามารถพบได้ภายหลังการรับวัคซีนชนิดอื่นๆ เช่นกัน ส่วนปฏิกิริยาข้างเคียงที่รุนแรงภายหลังจากการได้รับวัคซีน ที่ผ่านการทบทวนโดยผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิจากกระทรวงฯ พบในผู้รับวัคซีน 14 ราย คิดเป็น 7 ต่อล้านโดส ทั้งนี้ 6.5 ในล้านโดส เป็นปฏิกิริยาการแพ้ชนิดรุนแรง ส่วนอีก 0.5 ต่อล้านโดส เป็นกลุ่มอาการชาภายหลังจากได้รับวัคซีน ซึ่งทั้ง 14 ราย สามารถรักษาหายได้หมด และไม่มีผู้เสียชีวิตแม้แต่รายเดียว
...... 🔹บุคคลกลุ่มที่ควรจะได้รับวัคซีนโควิด-19 คือใคร.....
คนไทยทุกคน ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปี และไม่มีข้อห้ามในการฉีดวัคซีนควรที่จะได้รับวัคซีน แต่เนื่องจากช่วงแรกประเทศไทยได้รับการจัดสรรวัคซีนในปริมาณที่จำกัด จึงต้องมีการเรียงลำดับความสำคัญในการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนกลุ่มต่างๆ โดยในระยะแรกเน้นไปที่บุคลากรทางการแพทย์โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "ด่านหน้า" หรือเจ้าหน้าที่ทางสาธารณสุขที่ต้องทำงานสัมผัสกับผู้ป่วยโควิด-19 กลุ่มต่อมาคือผู้สูงอายุเกิน 60 ปีและผู้ที่มีโรคประจำตัว 7 โรค จากนั้นเมื่อมีการจัดหาวัคซีนได้มากขึ้นภายในประเทศก็จะเร่งจัดสรรฉีดให้แก่ประชาชนทั่วไป ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปี และไม่มีข้อห้ามในการฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึงต่อไป
..... 🔹ข้อห้ามฉีดวัคซีนในปัจจุบัน คือแพ้วัคซีนและส่วนประกอบที่มีอยู่ในวัคซีน....
ข้อห้ามของการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในปัจจุบันนี้ คือ แพ้วัคซีนและส่วนประกอบที่มีอยู่ในวัคซีน โดยในที่นี้ต้องแยกจากคำว่าปฏิกิริยาข้างเคียงภายหลังจากการได้รับวัคซีน ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้หลังการฉีดวัคซีน (ขึ้นกับว่ามีอาการรุนแรงหรือไม่) สำหรับอาการแพ้วัคซีน สามารถแพ้ได้ทั้งจากตัววัคซีนเอง หรือว่าสารที่เป็นส่วนประกอบที่อยู่ในวัคซีน ซึ่งวัคซีนแต่ละชนิดจะมีส่วนประกอบที่แตกต่างกันไป
ในบางคนจะมีคำถามว่าแพ้อาหาร แพ้ยา หรือว่าแพ้สารทึบรังสี สามารถจะฉีดวัคซีนได้ไหม คำตอบก็คือ ต้องมาพิจารณาโดยละเอียดว่าส่วนประกอบที่แพ้เหล่านั้น มีอยู่ในวัคซีนที่จะได้รับหรือไม่ หากไม่เกี่ยวข้องกัน โดยส่วนมากมักไม่สัมพันธ์กับการแพ้วัคซีน เพราะฉะนั้นควรลองเช็คประวัติตัวเองโดยละเอียดว่าแพ้อะไรบ้างและมีเป็นส่วนประกอบของวัคซีนหรือไม่
อย่างไรก็ตามที่จุดบริการฉีดวัคซีน จะมีจุดซักประวัติอยู่แล้ว ผู้รับการฉีดวัคซีนต้องบอกรายละเอียดว่าเคยแพ้วัคซีน อาหาร ยา สารทึบรังสีอะไรหรือไม่ และควรจะให้ประวัติโดยละเอียดแก่ทางเจ้าหน้าที่ เพื่อจะได้เตรียมการเฝ้าระวัง และติดตามอาการข้างเคียงหลังจากการฉีดวัคซีนได้อย่างเหมาะสมในแต่ละคน
.......🔹เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ฉีดวัคซีนโควิด-19 หรือไม่.............
สำหรับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ตามข้อมูลหลักฐานทางการแพทย์ วัคซีนที่มีอยู่ในประเทศไทย 2 ยี่ห้อ (ทั้ง Sinovac และ AstraZeneca) ได้รับการรับรองให้ใช้ในผู้ที่มีอายุตั้งแต่อายุ 18 ปีขึ้นไป สำหรับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี แม้ไม่ได้ถือเป็นข้อห้ามในการฉีด แต่ว่ายังไม่มีข้อมูลหลักฐานทางการแพทย์ที่มากพอในการรองรับเรื่องของความปลอดภัยและประสิทธิภาพของวัคซีน ขณะนี้หลายประเทศได้เร่งดำเนินการวิจัยในกลุ่มเด็กและวัยรุ่น โดยเมื่อมีข้อมูลเกี่ยวกับความปลอดภัยและประสิทธิภาพมากขึ้น ก็จะมีการขยายช่วงอายุของผู้ที่สามารถรับวัคซีนได้ตามลำดับ
อย่างไรก็ตามเนื่องจากเด็กส่วนใหญ่จะติดไวรัสโควิด-19 มาจากผู้ใหญ่รอบข้าง หากผู้ใหญ่ได้รับการฉีดวัคซีนก็จะเหมือนเป็นเกราะภูมิคุ้มกันให้กับเด็กเหล่านี้ไปด้วย เปรียบเสมือนเป็นภูมิคุ้มกันหมู่ในบ้านด้วย
.........🔹เชื้อโควิดสายพันธุ์ไหน แรงกว่ากัน.....
เชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ที่แพร่ระบาดอยู่ในประเทศไทยขณะนี้ เป็นสายพันธุ์อังกฤษ ซึ่งแต่ละสายพันธุ์ก็มีลักษณะที่ต่างกัน สายพันธุ์อังกฤษเป็นที่ทราบกันดีว่าจะทำให้เชื้อติดต่อง่ายขึ้น และก่อให้เกิดโรคที่มีอาการค่อนข้างรุนแรง ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก แต่อย่างไรก็ตามจากหลักบานทางการแพทย์ในปัจจุบัน พบว่าวัคซีนที่ผลิตออกมาในรุ่นที่ 1 ยังอาจจะพอใช้ได้ผลอยู่ คือพอที่จะมีภูมิคุ้มกันข้ามไปป้องกันสายพันธุ์นี้ได้ในระดับหนึ่ง
สำหรับสายพันธุ์ที่น่าเป็นห่วงขณะนี้ คือสายพันธุ์แอฟริกา และสายพันธุ์บราซิล ซึ่งวัคซีนในรุ่นที่ 1 นั้น อาจไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันที่เพียงพอที่จะข้ามไปป้องกันสายพันธุ์กลายพันธุ์เหล่านี้ได้ดีมากนัก จึงเป็นที่มาว่าขณะนี้ในแต่ละบริษัทที่ผลิตวัคซีน กำลังเตรียมผลิตวัคซีนในรุ่นที่ 2 ออกมา ซึ่งจะสามารถใช้กระตุ้นภูมิคุ้มกันให้สามารถป้องกันสายพันธุ์ที่กลายพันธุ์ที่มีความสำคัญทางสาธารณสุขเหล่านี้ได้ต่อไป
ขอขอบคุณข้อมูลจาก: รศ.ดร.พญ.ทวิติยา สุจริตรักษ์ อาจารย์ประจำสาขาโรคติดเชื้อ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ด้วยความปรารถนาดีจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
#MedCMU #MedCMUในมือคุณ
#คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
#สุขภาพดีกับหมอสวนดอก
#สื่อสารองค์กรMedCMU
#COVID19
#ใส่Mask #เว้นระยะห่าง #ล้างมือ
ในบางคนจะมีคำถามว่าแพ้อาหาร แพ้ยา หรือว่าแพ้สารทึบรังสี สามารถจะฉีดวัคซีนได้ไหม คำตอบก็คือ ต้องมาพิจารณาโดยละเอียดว่าส่วนประกอบที่แพ้เหล่านั้น มีอยู่ในวัคซีนที่จะได้รับหรือไม่ หากไม่เกี่ยวข้องกัน โดยส่วนมากมักไม่สัมพันธ์กับการแพ้วัคซีน เพราะฉะนั้นควรลองเช็คประวัติตัวเองโดยละเอียดว่าแพ้อะไรบ้างและมีเป็นส่วนประกอบของวัคซีนหรือไม่
อย่างไรก็ตามที่จุดบริการฉีดวัคซีน จะมีจุดซักประวัติอยู่แล้ว ผู้รับการฉีดวัคซีนต้องบอกรายละเอียดว่าเคยแพ้วัคซีน อาหาร ยา สารทึบรังสีอะไรหรือไม่ และควรจะให้ประวัติโดยละเอียดแก่ทางเจ้าหน้าที่ เพื่อจะได้เตรียมการเฝ้าระวัง และติดตามอาการข้างเคียงหลังจากการฉีดวัคซีนได้อย่างเหมาะสมในแต่ละคน
.......🔹เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ฉีดวัคซีนโควิด-19 หรือไม่.............
สำหรับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ตามข้อมูลหลักฐานทางการแพทย์ วัคซีนที่มีอยู่ในประเทศไทย 2 ยี่ห้อ (ทั้ง Sinovac และ AstraZeneca) ได้รับการรับรองให้ใช้ในผู้ที่มีอายุตั้งแต่อายุ 18 ปีขึ้นไป สำหรับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี แม้ไม่ได้ถือเป็นข้อห้ามในการฉีด แต่ว่ายังไม่มีข้อมูลหลักฐานทางการแพทย์ที่มากพอในการรองรับเรื่องของความปลอดภัยและประสิทธิภาพของวัคซีน ขณะนี้หลายประเทศได้เร่งดำเนินการวิจัยในกลุ่มเด็กและวัยรุ่น โดยเมื่อมีข้อมูลเกี่ยวกับความปลอดภัยและประสิทธิภาพมากขึ้น ก็จะมีการขยายช่วงอายุของผู้ที่สามารถรับวัคซีนได้ตามลำดับ
อย่างไรก็ตามเนื่องจากเด็กส่วนใหญ่จะติดไวรัสโควิด-19 มาจากผู้ใหญ่รอบข้าง หากผู้ใหญ่ได้รับการฉีดวัคซีนก็จะเหมือนเป็นเกราะภูมิคุ้มกันให้กับเด็กเหล่านี้ไปด้วย เปรียบเสมือนเป็นภูมิคุ้มกันหมู่ในบ้านด้วย
.........🔹เชื้อโควิดสายพันธุ์ไหน แรงกว่ากัน.....
เชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ที่แพร่ระบาดอยู่ในประเทศไทยขณะนี้ เป็นสายพันธุ์อังกฤษ ซึ่งแต่ละสายพันธุ์ก็มีลักษณะที่ต่างกัน สายพันธุ์อังกฤษเป็นที่ทราบกันดีว่าจะทำให้เชื้อติดต่อง่ายขึ้น และก่อให้เกิดโรคที่มีอาการค่อนข้างรุนแรง ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก แต่อย่างไรก็ตามจากหลักบานทางการแพทย์ในปัจจุบัน พบว่าวัคซีนที่ผลิตออกมาในรุ่นที่ 1 ยังอาจจะพอใช้ได้ผลอยู่ คือพอที่จะมีภูมิคุ้มกันข้ามไปป้องกันสายพันธุ์นี้ได้ในระดับหนึ่ง
สำหรับสายพันธุ์ที่น่าเป็นห่วงขณะนี้ คือสายพันธุ์แอฟริกา และสายพันธุ์บราซิล ซึ่งวัคซีนในรุ่นที่ 1 นั้น อาจไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันที่เพียงพอที่จะข้ามไปป้องกันสายพันธุ์กลายพันธุ์เหล่านี้ได้ดีมากนัก จึงเป็นที่มาว่าขณะนี้ในแต่ละบริษัทที่ผลิตวัคซีน กำลังเตรียมผลิตวัคซีนในรุ่นที่ 2 ออกมา ซึ่งจะสามารถใช้กระตุ้นภูมิคุ้มกันให้สามารถป้องกันสายพันธุ์ที่กลายพันธุ์ที่มีความสำคัญทางสาธารณสุขเหล่านี้ได้ต่อไป
ขอขอบคุณข้อมูลจาก: รศ.ดร.พญ.ทวิติยา สุจริตรักษ์ อาจารย์ประจำสาขาโรคติดเชื้อ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ด้วยความปรารถนาดีจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
#MedCMU #MedCMUในมือคุณ
#คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
#สุขภาพดีกับหมอสวนดอก
#สื่อสารองค์กรMedCMU
#COVID19
#ใส่Mask #เว้นระยะห่าง #ล้างมือ
สถานการณ์ผู้ป่วย COVID-19 ในความดูแลของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
วันที่ 23 พ.ค. 2564 : 08:00 น.
มีผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาตัวในรพ. มหาราชนครเชียงใหม่ (ตึกโรคปอด) รวมทั้งหมดจำนวน 5 ราย
ในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 3 ราย และผู้ป่วยที่กำลังรอผลยืนยันการตรวจเชื้อโควิด-19 จำนวน 2 ราย
และมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ที่ Cohort Intermediate ward ตึกสงฆ์ 7 ราย
รวมทั้ง มีผู้ป่วย 1 ราย ณ โรงพยาบาลประสาทเชียงใหม่ โดยความดูแลของคณะแพทยศาสตร์ มช.
ผู้ป่วยทั้งหมดได้รับการรักษาอย่างใกล้ชิด จากทีมแพทย์และพยาบาล
แม้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่จะมีจำนวนลดลง แต่ผู้ป่วยที่มีอาการหนักมีจำนวนมากขึ้น ขอทุกท่านโปรดดูแลตัวเอง ใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่าง เพื่อสุขภาพที่ดีของทุกท่าน
#MedCMU #MedCMUในมือคุณ
#คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
#สื่อสารองค์กรMedCMU #COVID19
#ใส่Mask #เว้นระยะห่าง #ล้างมือ
วันที่ 23 พ.ค. 2564 : 08:00 น.
มีผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาตัวในรพ. มหาราชนครเชียงใหม่ (ตึกโรคปอด) รวมทั้งหมดจำนวน 5 ราย
ในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 3 ราย และผู้ป่วยที่กำลังรอผลยืนยันการตรวจเชื้อโควิด-19 จำนวน 2 ราย
และมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ที่ Cohort Intermediate ward ตึกสงฆ์ 7 ราย
รวมทั้ง มีผู้ป่วย 1 ราย ณ โรงพยาบาลประสาทเชียงใหม่ โดยความดูแลของคณะแพทยศาสตร์ มช.
ผู้ป่วยทั้งหมดได้รับการรักษาอย่างใกล้ชิด จากทีมแพทย์และพยาบาล
แม้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่จะมีจำนวนลดลง แต่ผู้ป่วยที่มีอาการหนักมีจำนวนมากขึ้น ขอทุกท่านโปรดดูแลตัวเอง ใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่าง เพื่อสุขภาพที่ดีของทุกท่าน
#MedCMU #MedCMUในมือคุณ
#คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
#สื่อสารองค์กรMedCMU #COVID19
#ใส่Mask #เว้นระยะห่าง #ล้างมือ
นศพ. สิริกร ชลานันต์ นักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 6
ได้รับเลือกเป็น 1 ใน 180 จากผู้ส่งผลงานกว่า 400 คน เพื่อนำเสนอผลงาน
งานประชุมวิชาการ: AMIA Clinical Informatics Conference 2021 (CIC21)
ลักษณะการประชุม: Virtual Conference
หัวข้อ: "The Implementation of Biosignals Streaming and Signal Extraction System in Critical Care Units for Real-Time Physiological Data Collection and Tele-Monitoring Using Cloud Computing Platform"
คำอธิบายภาษาไทย: เป็นการศึกษาและพัฒนาระบบกระจายข้อมูลสัญญาณชีพทางไกล และระบบเก็บข้อมูลทางชีวสัญญาณ เพื่อใช้สำหรับการดูแลผู้ป่วยวิกฤติผ่านโทรเวชโดยใช้ระบบคลาว
วันที่นำเสนอ: วันที่ 19 พฤษภาคม 2564
#MedCMU #MedCMUในมือคุณ #คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ #AcadeMed
ได้รับเลือกเป็น 1 ใน 180 จากผู้ส่งผลงานกว่า 400 คน เพื่อนำเสนอผลงาน
งานประชุมวิชาการ: AMIA Clinical Informatics Conference 2021 (CIC21)
ลักษณะการประชุม: Virtual Conference
หัวข้อ: "The Implementation of Biosignals Streaming and Signal Extraction System in Critical Care Units for Real-Time Physiological Data Collection and Tele-Monitoring Using Cloud Computing Platform"
คำอธิบายภาษาไทย: เป็นการศึกษาและพัฒนาระบบกระจายข้อมูลสัญญาณชีพทางไกล และระบบเก็บข้อมูลทางชีวสัญญาณ เพื่อใช้สำหรับการดูแลผู้ป่วยวิกฤติผ่านโทรเวชโดยใช้ระบบคลาว
วันที่นำเสนอ: วันที่ 19 พฤษภาคม 2564
#MedCMU #MedCMUในมือคุณ #คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ #AcadeMed
หญิงตั้งครรภ์กับการฉีดวัคซีนโควิด-19
-แนะนำให้หญิงตั้งครรภ์ทุกคนควรได้รับวัคซีน
-ทั้งนี้ควรได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับประโยชน์,อาการข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนก่อนตัดสินใจ
-ช่วงเวลาที่แนะนําให้ฉีดวัคซีนคือ ช่วงหลังอายุครรภ์ 12 สัปดาห์เป็นต้นไป
-แนะนําให้ฉีดวัคซีน Sinovac ก่อน เนื่องจากผลิตจากเชื้อที่ตายแล้ว
-สำหรับวัคซีน AstraZeneca เป็น Viral vector vaccine มีโอกาสเกิดไข้หลังฉีดได้มาก และ มีรายงานการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหญิงที่อายุ < 30 ปี แต่พบน้อยมาก
-หญิงที่วางแผนจะตั้งครรภ์ หรือ ให้นมบุตร สามารถรับการฉีดวัคซีนได้เช่นเดียวกับบุคคลทั่วไป
ที่มา : กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
#ฉีดวัคซีนหยุดเชื้อเพื่อชาติ #covidvaccine #MedCMU #MedCMUในมือคุณ #คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ #COVID19
#ใส่Mask #เว้นระยะห่าง #ล้างมือ
-แนะนำให้หญิงตั้งครรภ์ทุกคนควรได้รับวัคซีน
-ทั้งนี้ควรได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับประโยชน์,อาการข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนก่อนตัดสินใจ
-ช่วงเวลาที่แนะนําให้ฉีดวัคซีนคือ ช่วงหลังอายุครรภ์ 12 สัปดาห์เป็นต้นไป
-แนะนําให้ฉีดวัคซีน Sinovac ก่อน เนื่องจากผลิตจากเชื้อที่ตายแล้ว
-สำหรับวัคซีน AstraZeneca เป็น Viral vector vaccine มีโอกาสเกิดไข้หลังฉีดได้มาก และ มีรายงานการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหญิงที่อายุ < 30 ปี แต่พบน้อยมาก
-หญิงที่วางแผนจะตั้งครรภ์ หรือ ให้นมบุตร สามารถรับการฉีดวัคซีนได้เช่นเดียวกับบุคคลทั่วไป
ที่มา : กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
#ฉีดวัคซีนหยุดเชื้อเพื่อชาติ #covidvaccine #MedCMU #MedCMUในมือคุณ #คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ #COVID19
#ใส่Mask #เว้นระยะห่าง #ล้างมือ
“วัคซีนโควิด-19 กับอาการทางระบบประสาท”
จากการศึกษาในประชากรไทย พบมีผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนที่ทำให้เกิดอาการทางสมอง เพียง 0.3% หรือคิดเป็น 3 ราย จาก 1,000 ราย ในขณะที่การติดเชื้อโควิด-19 อาจทำให้เกิดหลอดเลือดสมองตีบได้ 1-2%
ความผิดปกติที่พบได้บ่อยคืออาการชา ซึ่งมักจะพบบริเวณใบหน้า มุมปาก หรือชาครึ่งซึก และอาจพบอาการปวดศีรษะได้
ความผิดปกติมักจะเกิดช่วง 6 ชั่วโมง - 1 วันหลังฉีด และมักจะหายได้เองหรือดีขึ้น
อ.นพ.กิตติ เทียนขาว
อาจารย์หน่วยประสาทวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
#วัคซีนโควิด19
#MedCMU
#คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
#COVID19
#ฉีดวัคซีนหยุดเชื้อเพื่อชาติ
#ใส่Mask #เว้นระยะห่าง #ล้างมือ
จากการศึกษาในประชากรไทย พบมีผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนที่ทำให้เกิดอาการทางสมอง เพียง 0.3% หรือคิดเป็น 3 ราย จาก 1,000 ราย ในขณะที่การติดเชื้อโควิด-19 อาจทำให้เกิดหลอดเลือดสมองตีบได้ 1-2%
ความผิดปกติที่พบได้บ่อยคืออาการชา ซึ่งมักจะพบบริเวณใบหน้า มุมปาก หรือชาครึ่งซึก และอาจพบอาการปวดศีรษะได้
ความผิดปกติมักจะเกิดช่วง 6 ชั่วโมง - 1 วันหลังฉีด และมักจะหายได้เองหรือดีขึ้น
อ.นพ.กิตติ เทียนขาว
อาจารย์หน่วยประสาทวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
#วัคซีนโควิด19
#MedCMU
#คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
#COVID19
#ฉีดวัคซีนหยุดเชื้อเพื่อชาติ
#ใส่Mask #เว้นระยะห่าง #ล้างมือ
สถานการณ์ผู้ป่วย COVID-19 ในความดูแลของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
วันที่ 24 พ.ค. 2564 : 08:00 น.
มีผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาตัวในรพ. มหาราชนครเชียงใหม่ (ตึกโรคปอด) รวมทั้งหมดจำนวน 5 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 3 ราย และผู้ป่วยที่กำลังรอผลยืนยันการตรวจเชื้อโควิด-19 จำนวน 2 ราย
และมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ที่ Cohort Intermediate ward ตึกสงฆ์ 4 ราย
รวมทั้ง มีผู้ป่วย 1 ราย ณ โรงพยาบาลประสาทเชียงใหม่ โดยความดูแลของคณะแพทยศาสตร์ มช.
ผู้ป่วยทั้งหมดได้รับการรักษาอย่างใกล้ชิด จากทีมแพทย์และพยาบาล
แม้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่จะมีจำนวนลดลง แต่ผู้ป่วยที่มีอาการหนักมีจำนวนมากขึ้น ขอทุกท่านโปรดดูแลตัวเอง ใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่าง เพื่อสุขภาพที่ดีของทุกท่าน
#MedCMU #MedCMUในมือคุณ
#คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
#สื่อสารองค์กรMedCMU #COVID19
#ใส่Mask #เว้นระยะห่าง #ล้างมือ
วันที่ 24 พ.ค. 2564 : 08:00 น.
มีผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาตัวในรพ. มหาราชนครเชียงใหม่ (ตึกโรคปอด) รวมทั้งหมดจำนวน 5 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 3 ราย และผู้ป่วยที่กำลังรอผลยืนยันการตรวจเชื้อโควิด-19 จำนวน 2 ราย
และมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ที่ Cohort Intermediate ward ตึกสงฆ์ 4 ราย
รวมทั้ง มีผู้ป่วย 1 ราย ณ โรงพยาบาลประสาทเชียงใหม่ โดยความดูแลของคณะแพทยศาสตร์ มช.
ผู้ป่วยทั้งหมดได้รับการรักษาอย่างใกล้ชิด จากทีมแพทย์และพยาบาล
แม้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่จะมีจำนวนลดลง แต่ผู้ป่วยที่มีอาการหนักมีจำนวนมากขึ้น ขอทุกท่านโปรดดูแลตัวเอง ใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่าง เพื่อสุขภาพที่ดีของทุกท่าน
#MedCMU #MedCMUในมือคุณ
#คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
#สื่อสารองค์กรMedCMU #COVID19
#ใส่Mask #เว้นระยะห่าง #ล้างมือ
❤️ผู้ป่วยโรคหัวใจ ฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้หรือไม่
❤️ยาโรคหัวใจมีผลต่อวัคซีนไหม
❤️ทานยาโรคหัวใจอยู่ สามารถฉีดวัคซีนได้หรือไม่
❤️ผู้ป่วยโรคหัวใจ จะมีผลข้างเคียงมากกว่า หรือความเสี่ยงมากกว่าคนปกติไหม
❤️ผู้ป่วยโรคหัวใจควรเตรียมตัวอย่างไรก่อนเข้ารับวัคซีน ต้องงดยาประจำหรือไม่ เช่นยาต้านเกร็ดเลือด หรือยาต้านการแข็งตัวของเลือด
คำแนะนำจาก
รศ.พญ.อรินทยา พรหมินธิกุล
ผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
อ.นพ.รังสฤษฎ์ กาญจนะวณิชย์
อายุรแพทย์โรคหัวใจ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
#โรคหัวใจกับวัคซีนโควิด19
#MedCMU
#คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
#สื่อสารองค์กรสวนดอก
#COVID19
#ฉีดวัคซีนหยุดเชื้อเพื่อชาติ
#ใส่Mask #เว้นระยะห่าง #ล้างมือ
❤️ยาโรคหัวใจมีผลต่อวัคซีนไหม
❤️ทานยาโรคหัวใจอยู่ สามารถฉีดวัคซีนได้หรือไม่
❤️ผู้ป่วยโรคหัวใจ จะมีผลข้างเคียงมากกว่า หรือความเสี่ยงมากกว่าคนปกติไหม
❤️ผู้ป่วยโรคหัวใจควรเตรียมตัวอย่างไรก่อนเข้ารับวัคซีน ต้องงดยาประจำหรือไม่ เช่นยาต้านเกร็ดเลือด หรือยาต้านการแข็งตัวของเลือด
คำแนะนำจาก
รศ.พญ.อรินทยา พรหมินธิกุล
ผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
อ.นพ.รังสฤษฎ์ กาญจนะวณิชย์
อายุรแพทย์โรคหัวใจ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
#โรคหัวใจกับวัคซีนโควิด19
#MedCMU
#คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
#สื่อสารองค์กรสวนดอก
#COVID19
#ฉีดวัคซีนหยุดเชื้อเพื่อชาติ
#ใส่Mask #เว้นระยะห่าง #ล้างมือ
Youtube : https://youtu.be/x4Bi8npx80k
YouTube
❤️ผู้ป่วยโรคหัวใจ ฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้หรือไม่
❤️ผู้ป่วยโรคหัวใจ ฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้หรือไม่
❤️ยาโรคหัวใจมีผลต่อวัคซีนไหม
❤️ทานยาโรคหัวใจอยู่ สามารถฉีดวัคซีนได้หรือไม่
❤️ผู้ป่วยโรคหัวใจ จะมีผลข้างเคียงมากกว่า หรือความเสี่ยงมากกว่าคนปกติไหม
❤️ผู้ป่วยโรคหัวใจควรเตรียมตัวอย่างไรก่อนเข้ารับวัคซีน ต้อง…
❤️ยาโรคหัวใจมีผลต่อวัคซีนไหม
❤️ทานยาโรคหัวใจอยู่ สามารถฉีดวัคซีนได้หรือไม่
❤️ผู้ป่วยโรคหัวใจ จะมีผลข้างเคียงมากกว่า หรือความเสี่ยงมากกว่าคนปกติไหม
❤️ผู้ป่วยโรคหัวใจควรเตรียมตัวอย่างไรก่อนเข้ารับวัคซีน ต้อง…